รีวิวหนังสารคดีและชีวประวัติ

  ดาวมิชลิน คือมาตรฐานที่ถูกจัดอันดับใน มิชลิน ไกด์ หนังสือคู่มือแนะนำร้านอาหารในเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลก ซึ่งจัดทำโดยบริษัทผลิตยางชื่อดัง มิชลิน ตั้งแต่ปี 1900 ที่มีจำนวนดาวสูงสุดเพียง 3 ดาวเท่านั้น ดังนี้ หนึ่งดาว คือ ดีมาก , สองดาว คือ ดีเลิศอร่อยจัด คุ้มค่าจะขับรถไปแวะกิน และ สามดาว คือ อร่อยตะลึงต้องดั้นด้นไปลองให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต   แต่มิชลินเคี่ยวมาก เพราะเกณฑ์ตัดสินไม่ใช่แค่รสชาติเท่านั้น ยังรวมถึงการตกแต่งร้าน , จัดจาน , มารยาทและไหวพริบของพนักงาน ฯลฯ แล้วตลอดร้อยสิบห้าปีมานี้ เฉพาะในอเมริกาก็มีหนึ่งดาวแค่ 135 ร้าน , สองดาว 25 ร้าน และสามดาว 13 ร้านเท่านั้น เคี่ยวขนาดนี้นายลีแบรนดต์ของเราจะได้มาสักดาวไหม ?“ ผมไม่ได้บ้า ผมเป็นศิลปิน” คือคำแรกที่หลุดจากปากของเขาในสารคดีเรื่องนี้ ที่แสดงให้เห็นกลวิธีนอกรีตในการปรุงและแต่งอาหารจานหรู ด้วยท่าทีหยิ่งทะนงและปากดี “เชฟคนอื่นโผล่หัวเข้าครัววันละไม่กี่นาที แต่ดังได้เพราะไปโผล่ในจอทีวี แต่ของผมต้องอุดอู้อยู่ในครัววันละไม่ต่ำกว่ายี่สิบชั่วโมง ไม่มีวันหยุดพัก” ลีแบรนดต์โอ้อวด   ขณะเดียวกันเราก็จะได้เห็นฝีมือผู้กำกับ...

  โรเจอร์ อีเบิร์ต ก็มีหลายคนที่รู้จักชื่อนี้และก็ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้จัก ชื่อเขาในฐานะนักวิจารณ์หนังชาวอเมริกันเจ้าของรางวัลพูลิตเซอร์ และสัญลักษณ์ “สองนิ้วโป้ง” แห่งการยกย่องและด่าทอหนัง ที่ทั้งป๊อปที่สุดและทรงอิทธิพลที่สุด บางคนรักเขาในฐานะนักเขียนเสรีนิยมผู้สร้างแรงบันดาลใจ บางคนเกลียดเขาในฐานะนักเขียนปากร้ายที่ลดค่างานวิจารณ์ให้ห่างไกลจากคำว่าศิลปะ แต่ไม่ว่าใครจะจดจำเขาในแง่ไหน หรือใครจะไม่เคยได้ยินชื่อเขาเลยแม้แต่ครั้ง หนังเรื่องนี้จะทำให้เราอิ่มหนำกับภาพชีวิตของผู้ชายคนหนึ่งซึ่งทุ่มจิตวิญญาณให้แก่งานที่รัก ไม่เคยยอมแพ้แก่ความโรยรา และยืนหยัดประกาศจนลมหายใจสุดท้าย ว่า “ชีวิตมีไว้ให้ใช้ และภาพยนตร์มีไว้เพื่อให้เราเปิดหัวใจแก่เพื่อนมนุษย์” ภาพยนตร์เรื่องนี้สำรวจผลกระทบและมรดกของชีวิตของ Roger Ebert: จากบทวิจารณ์ภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์และการแสดงร่วมกับ Gene Siskel ในรอบเกือบศตวรรษในการแสดงบทวิจารณ์ของพวกเขาจนกลายเป็นหนึ่งในเสียงทางวัฒนธรรมที่มีอิทธิพลที่สุดของประเทศ สร้างแรงบันดาลใจในการต่อสู้กับโรคมะเร็งและความพิการทางร่างกายที่เกิดขึ้น - วิธีที่เขาสร้างใบหน้...

  Horan กระตุ้นให้ผู้อ่านพิจารณาคำถามที่ไม่สบายใจ: ความรู้สึกของ Mamah ผิดธรรมชาติหรือไม่ ? Edwin Cheney ไม่คิดอย่างนั้น เขาอนุญาตให้เธอหย่าร้างและอนุญาตให้เธอเข้าถึงลูกของพวกเขา ไรท์ไม่คิดอย่างนั้น เขาต้องการแต่งงานกับเธอ แต่แคทเธอรีนภรรยาที่เหินห่างไม่ยอมหย่ากับเขา ฮอแรนสร้างภาพของมามาห์ที่จมอยู่ในภาวะซึมเศร้าหลังคลอดลูกคนที่สองโดยบันทึกคำพูดของชาร์ลอตต์เพอร์กินส์กิลแมนไว้ในสมุดบันทึกของเธอว่า“ การเป็นแม่ไม่เพียงพอ: หอยนางรมสามารถเป็นแม่ได้ .” Mamah ต้องการมากขึ้น “ ตราบเท่าที่มามาห์จำได้” ฮอแรนเขียน“ เธอรู้สึกโหยหาบางสิ่งที่เธอไม่สามารถเอ่ยชื่อได้” ไม่กี่เดือนหลังจากรายการไดอารี่ความปรารถนานั้นได้มาซึ่งชื่อ: Frank Lloyd Wright ความชั่วร้ายในที่สาธารณะติดตาม Frank และ Mamah ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกในปี 1909 ซึ่งเป็นอันตรายต่ออาชีพสถาปนิกหนุ่มและทำลายชื่อเสียงที่ดีของเพื่อน มรดกของไรท์ได้รับการคุ้มครองย้อนหลังและได้รับการสนับสนุนจากผลงานของเขา แต่ชื่อเสียงของ Mamah Borthwick Cheney ก็ไม่รอดจากความรักของพวกเขาและเธอก็ไม่ได้ทำเช่นกัน ฮอแรนติดตามทั้งคู่ในขณะที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เด...

  โดยเรื่องราวนั้นจะมีส่วนที่เกี่ยวของกับเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งเรื่องราวนั้นคดีเอลิซา แลม เคยเป็นคดีดัง เธอเป็นนักศึกษาจากแคนาดามาเที่ยว LA เข้าพักที่โรงแรม Cecil ก่อนจะหายตัวไปอย่างลึกลับ ตำรวจพยายามตามหาตัวแต่ก็ไม่สำเร็จเนื่องจากเบาะแสอันน้อยนิด จึงตัดสินใจเปิดเผยคลิปจากกล้องวงจรปิดในลิฟต์ที่บันทึกภาพสุดท้ายของเธอไว้ได้ เผื่อใครที่พบเห็นเธอจะได้แจ้งเบาะแสเข้ามา แต่คลิปกลายเป็นไวรัลเนื่องจากพฤติกรรมแปลกๆ ของเธอ ต่อมาได้ค้นพบศพเธอในแทงก์น้ำของโรงแรมซึ่งผู้อยู่อาศัยในโรงแรมแจ้งปัญหาน้ำไหลเอื่อย น้ำมีกลิ่น และมีสีแปลกๆ แต่การหาสาเหตุการตายของเธอกลับไม่ใช่เรื่องง่ายอีกเช่นกัน ประกอบกับตัวโรงแรมเองก็มีความเกี่ยวโยงกับการเสียชีวิตและฆาตกรรมหลายคดีทำให้คดียิ่งมีความน่าสนใจเข้าไปอีกสารคดีความยาว 4 ตอนเล่าเรื่องราวคดีที่มีความน่าสนใจเต็มไปหมด แต่ถ่ายทอดออกมาได้ไม่น่าติดตาม เนื้อเรื่องถูกยืดให้ยาวโดยใช่เหตุ หมดเวลาไปกับเท้าความเหตุการณ์เดิมๆ ไปพอสมควร ในแต่ละตอนมีเนื้อหาจริงๆ เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น เรียกว่า 4 ตอนสามารถรวมเป็นตอนเดียวได้สบายๆ ส่วนเนื้อเรื่องถ้าใครอ่านเกี่ยวกับคด...

  เจฟฟ์ เบาว์แมน รับบทโดยเจค จิลเลนฮาล ( Jake Gyllenhaal) ชายหนุ่มนักย่างไก่แห่งห้างขายส่ง Costco ผู้ซึ่งอาศัยอยู่กับแม่ที่ติดเหล้าในอพาร์ตเมนต์เล็กๆ ขนาด 2 ห้องนอน เขาเจอกับเธอ – เอริน รับบทโดยทาเทียน่า มาสลานี่ ( Tatiana Maslany) แฟนเก่าที่รักๆ เลิกๆ ในบาร์ท้องถิ่นใกล้บ้าน เธอมาที่นี่เพื่อระดมเงินบริจาคให้กับโรงพยาบาลที่เธอทำงานอยู่ผ่านการวิ่งในงาน Boston Marathon เจฟฟ์ช่วยเอรินระดมเงินทุนจากคนในบาร์และสัญญากับเธอว่าเขาจะไปรอเธอที่เส้นชัยพร้อมป้ายเชียร์อันใหญ่ยักษ์ เจฟฟ์มาตามสัญญาพร้อมป้ายอันใหญ่ โชคร้ายที่เอรินไม่ได้เห็นป้ายนั้นเพราะในวันงานวิ่งมาราธอน เกิดระเบิดขึ้น 2 ครั้งใกล้จุดเส้นชัย โชคร้ายกว่านั้นคือระเบิดเกิดในจุดที่เจฟฟ์ยืนอยู่พอดี โชคดีที่เขารอดแต่เขาต้องถูกตัดขาทั้ง 2 ข้างออกและสูญเสียการได้ยิน 20 เดซิเบล หลังจากเจฟฟ์ฟื้น เขาบอกว่าเขาเห็นคนร้ายและในที่สุด FBI ก็สามารถจับตัวคนร้ายได้ในเวลาต่อมาไม่นาน การที่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งรอดจากเหตุการณ์ระเบิดและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการจับคนร้าย ทำให้เจฟฟ์กลายเป็นฮีโร่ เป็นสัญลักษณ์แห่งความเข้มแข็งของเมืองบอสตันโดยที่เขาไม่ทั...

  โดยเรื่องราวนี้ถือว่าได้ดัดแปลงมาจากเรื่องจริงที่ อาชญากรระดับโลกที่สร้างความเสียหายให้กับสถาบันการเงินและธุรกิจต่างๆปลอมแปลงฉ้อโกง เป็นเงินรวมมูลค่ากว่า 4 ล้าน เหรียญสหรัฐฯ   อาชญากรคนนี้เป็นที่ต้องการตัวของ FBI และประเทศต่างๆเช่น สหรัฐอเมริกา , ฝรั่งเศส , สวีเดน , อิตาลี , เยอรมัน , อังกฤษ , สวิตเซอร์แลนด์ , กรีซ , เดนมาร์ก , นอร์เวย์ , ตุรกี , อียิปต์ , เลบานอน , ไซปรัส   อาชญากรคนนี้ยังถูกยกย่องให้เป็น นักต้มตุ๋นระดับโลกที่หาใครมาเทียบไม่ได้ เขาเป็นได้ทั้ง นักบินในสายการบินชื่อดังทั้งๆที่ไม่เคยเรียนการบิน   เป็นกุมารแพทย์ในโรงพยาบาลทั้งๆที่ไม่เคยเรียนด้านการแพทย์ เป็นทนายโดยที่ไม่รู้กฏหมายเลยสักนิดเดียว   เป็นอาจารย์สอนหนังสือในไฮสคูล ทั้งๆที่เป็นนักเรียนอยู่   และที่น่าทึ่งคือ เขาเริ่มเป็นอาชญากรตั้งแต่ อายุ 16 ปี   ภาพยนต์ที่ถูกสร้างมาจากชีวิตจริงของ Frank W. Abagnale   อาชญากรระดับโลกโดยดัดแปลงมาจากหนังสือ ชื่อเรื่อง Catch me if you can ที่ติด best seller มายาวนานกว่า 20 ปี โดยส่วนตัวแล้วผมยังไม่เคยได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มนี้ แต่เมื่...

  ภาพยนตร์เรื่องที่สี่ของผู้กำกับ Angelina Jolie เริ่มต้นในปี 1975 ในเมือง Phenom Pehn ประเทศกัมพูชาโดย Loung (Sreymoch Sareum) วัย 7 ขวบอาศัยอยู่กับครอบครัวชนชั้นกลางของเธอ เธอมีพี่น้อง 6 คน แต่สนิทกับพ่อของเธอมากที่สุด (คมพยัคฆ์พุ่มพวง) ซึ่งเป็นร้อยเอกของตำรวจทหาร   ในโทรทัศน์ประธานาธิบดีนิกสันของสหรัฐฯปฏิเสธว่าชาวอเมริกันกำลังทำสงครามในกัมพูชา Loung มองไปที่หน้าจอและเห็นระเบิดพรมทำลายบ้านเกิดของเธอ ภาพยนตร์ทั้งเรื่องถูกกรองผ่านความรู้สึกและจิตใจของเธอในขณะที่เธอเริ่มต้นการเดินทางอันยาวนานน่าสยดสยองและน่ากลัวเพื่อเอาชีวิตรอดหลังจากที่ชาวอเมริกันถอนตัวออกจากเวียดนามและกัมพูชา Loung ยืนอยู่ที่ระเบียงของอพาร์ตเมนต์ของพวกเขาและลอยขึ้นไปบนฟ้าขณะที่เฮลิคอปเตอร์บินผ่าน ในไม่ช้าความสนใจของเธอก็หันไปหาชัยชนะของเขมรแดงที่เดินเข้ามาในเมือง กองกำลังของกองทัพประชาชนเวียดนามแห่งเวียดนามเหนือได้เข้าร่วมในสงครามกลางเมืองกับรัฐบาลกัมพูชา ตอนนี้ผู้ชนะพวกเขาสั่งให้ประชาชนทั้งหมดอพยพออกจากเมือง พ่อของ Loung เสียใจที่ต้องถอยทัพกลับสหรัฐฯและถูกจับด้วยความกลัวที่จะถูกเปิดเผยในฐานะเจ้าหน้าที่...

  ภาพยนตร์สารคดีงานสร้างงดงาม ตัวแทนประเทศสวิตเซอร์แลนด์ส่งชิงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศซูริค ปี 1956 แอร์นสท์ ออชเตอร์ทาค คุณครูผู้ปรารถนาจะสร้างศิษย์ให้มีจิตวิญญาณขบถด้วยนิยายอัลแบร์ กามู ได้พบและตกหลุมรัก โรบี้ ราปป์ ช่างตัดผมคนยากผู้มีอีกร่างเป็นนักร้องดาวเด่น ในองค์กรเกย์นาม “ The Circle” (Der Kreis) และท่ามกลางทุกความเป็นไปไม่ได้ ทั้งคู่ได้เริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ยืนยงยาวนานต่อมาเกือบ 60 ปีจนถึงทุกวันนี้

  ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นแบบนั้นเพราะ TheSocialNetwork โซเชียลเน็ตเวิร์คถูกสร้างจากข้อมูลแวดล้อมไม่ใช่ข้อมูลจากปากของมาร์คโดยตรง หนังสร้างจากเรื่องจริง เรื่องนี้จะทำให้ท่านได้รู้ถึงการเป็นเจ้าของธุรกิจสมัยใหม่ของ markzuckerberg มาร์คซัคเคอร์เบิร์กที่มีมูลค่าหลายล้านเหรียญกับการตัดสินใจครั้งสำคัญ   สิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้ระหว่างชมหนังเรื่องนี้คือ Mark Zuckerberg คืออัจฉริยะที่สร้างเครือข่ายเชื่อมคนทั่วทุกมุมโลกเข้าด้วยกัน แต่ที่น่าเศร้าก็คือ คนๆเดียวที่เขาไม่สามารถจะเชื่อมถึงได้เลย และ ปล่อยปะละเลยมาตลอดก็คือ Eduardo เพื่อนสนิทที่สุดที่อยู่ข้างกายเขาเสมอมาทั้งยามทุกข์และยามสุข ทั้งยังคอยช่วยเหลือหาแหล่งเงินทุนให้เสมอเมื่อเริ่มสร้าง Facebook แต่เมื่อ Mark ได้เจอ Sean ทำเหมือนว่าเขาลืมเพื่อนสนิทคนนี้ของเขาไป และหันไปเชื่อในแผนการตลาดสุดห่ามของ Sean สะจนไม่ฟังใคร   ฉากที่น่าจดจำและส่วนตัวคิดว่าคือไคลแม็กซ์ที่สำคัญของเรื่องเรื่องก็คือ ฉากที่ Eduardo กลับมาที่ออฟฟิตของ Facebook แล้วพบว่าหุ้นในบริษัทของตัวเองลดลงเพราะ Mark และ Sean วางแผนไว้ ซึ่ง Eduardo ในอารมณ์ที่เชื่อเพื่อน...

  Ma Rainey เป็นนักร้องเพลงบลูส์ผิวดำชาวอเมริกันในยุคที่การเหยียดผิวยังมีอยู่ ตัวหนังเล่าเรื่องในหนึ่งวันที่ Ma Rainey ต้องเข้าไปอัดเสียงในสตูดิโอในเมือง โดยหนึ่งในสมาชิกวงแบ็คอัพของเธอคือลีวี ( Chadwick Boseman) นักดนตรีหนุ่มไฟแรงที่ต้องการไปไกลกว่านักดนตรีแบ็คอัพกระจอกๆ ตัวหนังจะค่อยๆ เฉลยเหตุผลที่ทำไม Ma Rainey ต้องทำตัวเรื่องมากเกินเบอร์ตลอดเวลา และทำไมลีวีถึงต้องมีฝันสูงถึงขนาดนั้น ตัวหนังทำให้อารมณ์เหมือนดูละครเวที บทพูดเลยค่อนข้างเยอะ ในขณะที่เนื้อเรื่องเคลื่อนค่อนข้างช้า แต่ละคนจะเล่นใหญ่เล่นเวอร์ มีโมเมนต์ที่บรรเลงเพลงไปเรื่อยๆ เพื่อซึมซับบรรยากาศด้วย เอาเข้าจริงคือเป็นหนังที่ค่อนข้างน่าเบื่อและชวนง่วงทีเดียว แต่สิ่งที่หนังต้องการสื่อคือดี บวกกับฝีมือการแสดงที่ต้องบอกว่าระดับขึ้นหิ้งของ Chadwick Boseman ผู้รับบทฝ่าบาททิชาล่าใน Black Panther และได้เสียชีวิตในปี 2020 เพราะโรคมะเร็ง ทำให้เรื่องนี้เป็นหนังเรื่องสุดท้ายของเขา และเขาได้ทุ่มเทการแสดงกับเรื่องนี้มากๆ จนได้รางวัลลูกโลกทองคำสาขาแสดงนำชายเลยทีเดียว