รีวิว Sand Castle จากประสบการณ์จริงของ คริส โรเอสเนอร์

Sand Castle โดยหนังเล่าเรื่องจากประสบการณ์จริงของ คริส โรเอสเนอร์ ผู้เขียนบท ที่เคยเป็นทหารอยู่ในประเทศอิรักในปี 2003 ซึ่งกล่าวถึงพลทหารโอเคอร์ ตัวเอกของเรื่องที่เป็นเด็กหนุ่มธรรมดาๆ ไม่ได้อยากจะมาตายเพื่อชาติ ไม่ได้อยากจะมาสวมเครื่องแบบเปื้อนฝุ่นทราย ในพื้นที่ห่างไกลแผ่นดินเกิดของตัวเองแบบนี้ เค้าแค่มาสมัครเข้ากองทัพเพียงต้องการเงินเบี้ยเลี้ยงไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยเท่านั้น แบบประโยคเริ่มต้น แต่ดันได้รับภารกิจให้ไปซ่อมแซมระบบส่งน้ำในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า บาคูบาห์ ซึ่งเป็นพื้นที่สีแดงที่สุดแห่งนึง โดยพวกเขาต้องพยายามสร้างความเชื่อใจให้แก่คนในหมู่บ้าน รวมไปถึงนำตัวเองให้รอดจากสมรภูมินี้จนจบภารกิจ


เรื่องราวในช่วงต้นของสงครามอิรักปี 2546 Pvt. แมตต์โอเคร ( นิโคลัสโฮลท์ ) ทหารกิจการพลเรือนหนุ่มกับกองหนุนของกองทัพบกตบมือของเขาที่ประตูรถฮัมวีเพื่อพยายามส่งตัวกลับบ้าน บรรยายเผยให้เห็นว่าเขาเข้าร่วมในเดือนกรกฎาคม 2544 เพื่อที่จะได้รับเงินสำหรับวิทยาลัย ในเวลาต่อมาเขาถูกเห็นด้วยการเหวี่ยงแขนความพยายามของเขาไม่ประสบความสำเร็จ หล่อของเขาได้รับการตัดออกเพียงในเวลาที่จะส่งไปยังกรุงแบกแดด ในระหว่างการสู้รบ Ocre พบพลซุ่มยิงและจ่าดีแลนชัตสกี้ ( เกลนพาวเวลล์ ) เรียกเฮลิคอปเตอร์โจมตีเพื่อทำลายอาคารที่พลซุ่มยิงอยู่




โดยสรุปหนังปูให้เราค่อยๆซึมซับกับความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร และนิสัยของตัวละครต่างๆ ทั้งทหารบ้าดีเดือด กระหายสงคราม ทหารพูดมาก ที่พยายามเหมือนจะพูดเพื่อลดความกลัวของตัวเอง แต่หนังพยายามจะสร้างคาแรกเตอร์ของตัวเอกโอเคอร์ให้ดูเป็นคนที่มีอะไรในใจตลอดเวลา ทำตามคำสั่งไปวันๆ ทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ ไม่รู้ว่าในใจคิดอะไรอยู่ ถ้าในด้านเหตุผลของบท มันก็ถือว่านิสัยแบบนี้เป็นสิ่งที่ผู้บังคับบัญชาชอบ เพราะดูเป็นคนที่ไม่บ้าเกินไป และไม่ขี้ขลาดเกินไป สามารถนำไปออกรบได้ แต่ในด้านของคนดู มันดูเหมือนตัวเอกไม่มีพัฒนาการของตัวละครเท่าไรนัก ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขนาดไหน หน้าแกก็ยังดูนิ่ง สุขุม ดูเป็นทองไม่รู้ร้อนตลอดเวลา ซึ่งไม่รู้ว่าผู้กำกับแกสั่งเอาไว้ว่าคาแรกเตอร์มันต้องเป็นแบบนี้รึเปล่า แต่ถือว่าทำออกมาใช้ได้ทีเดียวสำหรับเรื่องนี้ ให้อารมณ์สไตล์หนังเรื่อง Jarhead ถ่ายทอดบรรยากาศ ความเครียด ความกดดันในภารกิจได้ค่อนข้างโอเค อาจจะติดตรงความหน้าตายของพระเอกไปนิด ที่ไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมเท่าไร แต่โดยรวมก็ยังถือว่าเป็นหนังสงครามที่น่าดูอยู่ ดูเพลินๆได้เหมือนกัน


👉👉  นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ ดูหนัง Netflix ได้ที่นี่


Comments

Popular posts from this blog

รีวิวภาพยนตร์ Sand Castle จากเรื่องจริงของสงครามในอิรัก

รีวิว Welcome to Earth (2021) สารคดีรออกเดินทางไปกับ "วิลล์ สมิธ"

รีวิวสารคดี Jimmy Savile: A British Horror Story (จิมมี่ ซาวิล) ดีเจในตำนานแห่งอังกฤษ