รีวิวซีรีย์แนวสารคดี เรื่อง The Midnight Sky

 


ตัวหนังจะเล่าเรื่องหลังจากเกิดเหตุวันสิ้นโลกโดยผู้ที่เหลือรอดชีวิตนั้นก็คือ ออกัสติน ซึ่งเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ต้องทำให้คนหรือนักวิทยาศาสตร์อีกส่สนหนึ่งที่อยู่นอกโลกให้พวกเขานั้นได้รับรู้ถึงหายนะปริศนาบนโลกเพื่อไม่ให้พวกเขานั้นกลับมายังบนโลก สำหรับ The Midnight Sky นั้น มีบรรยากาศที่คล้ายคลึงทั้ง The Revenant ในแง่ของชายผู้สู้เพื่อครอบครัว โดยต้องเดินทางฝ่าพายุหิมะและความเหน็บหนาว และหนัง The Descendants (2011) ที่คลูนีย์แสดงนำในแง่คนที่พยายามสานสัมพันธ์กับครอบครัว และยังมีกลิ่นเบา ๆ ของชายผู้เคว้งคว้างไร้หลักยึดจนเกือบสูญเสียสิ่งสำคัญใกล้ตัวใน Up in the Air (2009) อีกผลงานการแสดงหนึ่งของเขาเช่นกัน



ดังนี้น่าจะพอเห็นภาพว่า แม้หนังจะสวมผิวหนังของความเป็นหนังไซไฟอวกาศ ว่าด้วยการแสวงหาถิ่นฐานใหม่บนดาวเคราะห์อันห่างไกล แต่โดยเนื้อแท้มันคือหนังดราม่าที่แต่ละตัวละครยึดโยงกับสาระอันเป็นหัวใจเดียวกัน คือการโหยหาความผูกพัน การกลับคืนสู่บ้านในความหมายถึงครอบครัว ในแง่ใดแง่หนึ่ง มันจึงมีหัวใจของเรื่องแบบเดียวกันกับหนังของ คริสโตเฟอร์ โนแลน อย่าง Interstellar (2014) ที่ว่าด้วย พ่อ-ลูก และอุปสรรคของกาลอวกาศที่กั้นกลาง ด้วยเช่นกัน



อย่างที่หลายคนล้วนบอกไว้ว่า บางทีเราก็ไขว้คว้าหาบางอย่างไกลแสนไกล ทั้งที่จริงมันอยู่ (หรือเคยอยู่) ข้างกายเรามาเสมอ กว่าจะรู้ค่าบางทีก็อาจสายไปเสียแล้ว ซึ่งข้อคิดแบบนี้ก็ทำให้หนัง The Midnight Sky มีคุณค่าหรือน้ำหนักทางความคิดที่จับต้องได้อยุ่ไม่น้อย



จะจับได้ว่าแต่ละตัวละครมีความรู้สึกของความเป็นพ่อแม่ ที่ต้องแบกรับภาระ ความรับผิดชอบ (การชดใช้ความผิดพลาด) หรือความรู้สึกอยากปกป้องลูกของตนเองไว้ตลอดเวลา และการแสดงออกเรื่องนี้ก็แตกต่างไปตามสถานการณ์ของแต่ละตัวละคร เรียกได้ว่า The Midnight Sky มั่นคงในการรักษาอารมณ์แบบดราม่าเนิบนิ่ง ซ่อนความหมายแห่งอารมณ์ของตัวละครไว้เพื่อเผยแล้วกระชากใจผู้ชมในช่วงท้ายอย่างมีนัยสำคัญ

 


และแม้ดูเหมือนว่าหนังช่างดูคล้ายชาวบ้านเขาไปหมด แต่อย่างไรก็ตาม การนำเสนอของหนังมีความเฉพาะตัวอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องแบบคู่ขนาน 2 เหตุการณ์ คือ กลุ่มบนโลกอันได้แก่ ออกัสติน (จอร์จ คลูนีย์) ชายที่เคยถูกหน้าที่การงานพรากครอบครัวของเขาไป ในตอนนี้กำลังพยายามส่งสัญญาณไปยังยานอวกาศที่กำลังกลับมาโลกจากการสำรวจถิ่นฐานใหม่ที่แถบดาวพฤหัสฯ เพื่อเตือนไม่ให้กลับลงมาเพราะในเวลานี้โลกไม่ใช่ที่สิ่งมีชีวิตจะอาศัยรอดแล้วในขณะเดียวกันเขาก็ได้รับโอกาสการเป็นพ่ออีกครั้งเมื่อต้องดูแล ไอรีส (แม่หนูน้อย โคออยลินน์ สปริงกัล) เด็กน้อยที่ถูกทิ้งไว้บนฐานของเขาหลังคนอพยพหนีกันไปหมดแล้ว

ชอบดูก็คลิ๊กเลย ดูซีรี่ยเอเชีย

Comments

Popular posts from this blog

รีวิวภาพยนตร์ Sand Castle จากเรื่องจริงของสงครามในอิรัก

รีวิว Welcome to Earth (2021) สารคดีรออกเดินทางไปกับ "วิลล์ สมิธ"

รีวิวสารคดี Jimmy Savile: A British Horror Story (จิมมี่ ซาวิล) ดีเจในตำนานแห่งอังกฤษ