รีวิว หนังเรื่อง The Greatest Showman โชว์แมนบันลือโลก
ถนนสู่โชว์แมนผู้ยิ่งใหญ่ท้าทายอคติของผู้คนการจัดโชว์ละครสัตว์สุดยิ่งใหญ่การที่เขาได้แสดงต่อหน้าพระพักตร์ของพระราชินีวิคตอเรียแห่งอังกฤษและเมื่อเขาโด่งดังมีชื่อเสียง
ชื่อเสียงนั้นก็ทำให้เขานั้นเปลี่ยนไปโดยเฉพาะกับภรรยาที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาต้องหาทางทำให้บาร์นัมค้นพบคุณค่าของความฝัน
จินตนาการและหัวใจของโชว์ที่เขาหลงลืม
จะว่าไปเรื่องราวของ พีทีบาร์นัม
ชายผู้เป็นเหมือนบิดาของธุรกิจบันเทิงอเมริกาก็เพียบพร้อมไปด้วยดราม่าที่สามารถทำเป็นหนังสนุกๆได้อยู่แล้วคือมีทั้งดราม่าชายสู้ชีวิต
ความรักที่ต้องฟันฝ่า หรือแม้กระทั่งสารการเมืองอย่างเรื่องสีผิวและเผ่าพันธุ์ที่เป็นประเด็นร่วมในหนังฮอลลีวูดปี
2017 แทบทุกเรื่อง แต่กระนั้นบทหนังของ เจนนี่ บิคส์ ที่ร่วมเขียนกับ บิล คอนดอน
ผู้กำกับและเขียนบทที่มีผลงานมิวสิคัลดังๆอย่าง Chicago (2002)
และ Dreamgirls (2006) ก็เลือกจะไปเน้นสร้างฉากโชว์เพื่อบอกเล่าเกร็ดชีวิตของบาร์นัมมากกว่าเลยทำให้บทหนังเองขาดความรัดกุมในการเล่าเรื่องราวชีวิตตัวละครแต่ละตัว
เราเลยไม่ได้รู้ว่าชีวิตของบาร์นัมมีตื้นลึกหนาบางยังไงเพราะหนังก็เลือกจะเล่าชีวิตของเขาและคนรอบข้างในมุมสว่างไปเสียหมดเลยทำให้ตัวละครขาดมิติจนเรื่องราวขาดความสมเหตุสมผลไปมากพอสมควร
ดังนั้นหากใครคาดหวังที่จะเห็นหนังดราม่าที่บอกเล่าเรื่องราวชายสู้ชีวิตแบบเจาะลึกชีวิตตัวละครเผชิญวิบากกรรมแบบเอาเป็นเอาตายนี่คงไม่ใช่หนังที่เหมาะกับคุณแน่ๆ
ตรงกันข้ามนี่คือหนังมิวสิคัลร่วมสมัยที่เหมือนลูกผสมระหว่างภาพยนตร์และมิวสิควีดีโอที่ใช้เพลงมาบอกเล่าช่วงชีวิตตัวละครเป็นช่วงๆ
ซึ่งยอมรับเลยว่าหลายช่วงตอนของหนังได้กลิ่นความเป็นมิวสิคัลเว่อร์วังอลังการแบบหนังของผู้กำกับบาซ
เลอห์มานอย่าง Moulin Rouge (2001)
ที่เล่าเรื่องความรักของนักเขียนหนุ่มกับดาราสาวในยุค 1899 ที่ปารีส และเนื่องด้วยยุคสมัยในหนังที่ค่อนข้างใกล้เคียงกัน
เราเลยได้เห็นร่องรอยการบูชาครูตั้งแต่งานออกแบบเสื้อผ้าของเอลเลน มิรอจนิค
ไปจนถึงการออกแบบโชว์ที่ไม่ไร้ซึ่งความคิดสร้างสรรค์เลยทำให้ทุกฉากตอนของหนังสร้างความตื่นตาตื่นใจได้เป็นอย่างดีฮิวจ์
แจ็คแมน ถือว่าหายห่วงอยู่แล้วสำหรับงานมิวสิคัลเพราะก่อนหน้านี้เคยผ่าน Les
Misérables (2012)
มาก่อนแม้ The Greatest Showman จะไม่ต้องตะโกนร้องเพลงเพื่ออัดระหว่างถ่ายทำแบบเรื่องที่แล้ว
แต่ทักษะการเต้นและเคลื่อนไหวของแจ็คแมนก็แทบทำให้เราลืมไปเลยว่าเรากำลังดูชายวัย
49 ร้องเล่นเต้นระบำอยู่
ส่วนมิเชล วิลเลี่ยมส์
ก็ยังคงความเป็นนักแสดงคุณภาพแต่เสียดายที่หนังให้เวลาเธอน้อยเกินไปทั้งที่บทแชริตี้ถือเป็นหัวใจหลักทื่ทำให้บาร์นัม
กลับมามองเห็นคุณค่าของครอบครัวอีกครั้ง โดยความโดดเด่นกลับไปอยู่ที่ รีเบคก้า
เฟอร์กูสัน ที่ทำหนุ่มๆใจสั่นมาแล้วจาก Mission Impossible Rogue Nation (2015)
ในบทเจนนี่ ลินด์
นักร้องโอเปร่าสาวสวยที่แม้เธอจะไม่ได้ร้องเพลงเองแต่แค่โชว์หน้าสวยๆก็เพียงพอทำให้หนุ่มๆได้หายคิดถึง
หลังปีนี้อยู่ดีๆค่ายหนังก็ถอดโปรแกรม Snowman ของเธอในไทยไปแบบเงียบๆส่วนนักแสดงสมทบอย่าง
แซค เอฟรอน ก็บริหารเสน่ห์แบบหนุ่มหล่อและโชว์สกิลการเต้นที่ติดตัวมาตั้งแต่ซีรีส์
High School Musical ให้สาวๆได้ใจละลายกันไม่น้อยรวมถึงดาวรุ่งอย่าง
เซนดายา ที่เราเพิ่งได้เจอเธอใน Spider-Man Homecoming ไปไม่นานก็เปล่งประกายเสน่ห์ชวนหลงรักตั้งแต่วินาทีแรกที่กล้องจับใบหน้าเก๋ๆของเธอเลยทีเดียว
เมื่อดูจากทีมงานก็ไม่แปลกใจนักที่หนังมีความเป็นมิวสิคัลหรือหนังเพลงร่วมสมัยที่ทั้งบันเทิงและเปี่ยมไปด้วยศิลปะการถ่ายทอดสร้างความตื่นตาตื่นใจทำให้
The Greatest Showman เป็นหนังคืนความสุขส่งท้ายปี 2017
ได้อย่างน่าประทับใจเลยทีเดียว
Comments
Post a Comment